บันทึกจากภาคสนาม Norway Winter - March 2024
SPONSORED by: NIKON
การเดินทางในรอบนี้ แม้จะเตรียมตัวมาพร้อมแค่ไหน แต่ดูเหมือนว่าปัญหา-ความท้าทาย จะพร้อมมากกว่าเรา … หลังจากถึงที่นั่งบนเครื่องบินก็ได้รับอีเมล์จากบริษัทรถเช่าที่ Norway ว่าตัดบัตรเครดิตไม่ผ่าน อาจจะไม่ได้รถเช่า! ปัญหาพุ่งชนมาเรื่อยๆ ทั้งรถเช่าคันเล็กกว่าที่จอง / กระเป๋าดีเลย์ / Crampon หาย / ถุงยาประจำตัวหาย / ลืมของ /ป่วยไม่สบายเริ่มไอหนักๆ /ลุ้นเครื่องดีเลย์ / และสุดท้ายตกเครื่องที่ Oslo ต้องหาไฟล์ทใหม่ จองโรงแรม และกว่าจะถึงไทยก็ยกยอดไปอีก 1 วันเต็ม ... “เราคงใช้ดวงดีหมดแล้วมั้งพี่” น้องในทริปเปรยออกมาพร้อมอารมณ์ขัน ผมเองก็ขำไปด้วย … เออ น่าจะจริง ทริปนี้แสงเช้าแสงเย็นอย่าไปพูดถึง ไม่โล่งก็เน่า ไม่มีฟ้าระเบิดตลอด 10 วันที่ผ่านมา แต่เราได้แสงเหนือเต็มๆ 5 คืน ถ่ายกันตั้งแต่ทุ่มครึ่ง ยันเกือบสว่าง แสงเหนือมาๆ หายๆ แต่เราก็ยืนเฝ้าและได้ภาพสวยๆ เป็นรางวัล … กลางวันนอน กลางคืนเป็นซอมบี้ล่าแสงเหนือ เป็นแบบแทบทุกวัน จนร่างกายพังกันไปแทบทุกคน ทริปจบแบบทุลักทุเล แต่เปี่ยมไปด้วยรอยยิ้ม เสียงหัวเราะ และความทรงจำกับกลุ่มเพนกวินนอร์เวย์ 5 คน ชายล้วน ที่ไปยืนหนาว ขาสั่น หัวชาไปด้วยกัน
บันทึกจากภาคสนามนี้ผมจดไว้เวลาที่เจอปัญหา หรือบทเรียนที่ได้รับจากการเดินทางถ่ายภาพ 10 วันที่ผ่านมา น่าจะเป็นประโยชน์กับเพื่อนๆ ที่เตรียมไปถ่ายภาพใน Norway, Iceland หรือบริเวณใกล้เคียงกันครับ บางหัวข้อไม่มีรายละเอียดมากนัก เป็นเสมือนประโยคสั้นๆ เพื่อเตือนความทรงจำ … หัวข้อไหนสนใจอ่านเพิ่มเติม สะกิดมาให้รู้ ผมจะพยายามเขียนเพิ่มเติมให้อ่านในคราวต่อไปครับ
การเดินทางเข้าประเทศ:
เมื่อต้องผ่าน ตม. แต่ละคนควรเตรียมกำหนดการเดินทาง ใบจองโรงแรม และตั๋วเดินทางกลับ เพื่อแสดงหาก จนท. ขอเอกสารยืนยัน ควรพิมพ์เป็นเอกสารออกมาจะดีที่สุด การยื่นโทรศัพท์แสดงเป็นไฟล์ Digital อาจจะสะดวก แต่มักมีคำถามตามมาเสมอ
วีซ่าที่ออกมาจะมี Duration of Stay ตามระยะเวลาที่เราส่งกำหนดการเดินทาง เช่น 10 วัน (บางคนโชคดีได้ 30 วัน หรือนานกว่านั้น) หากเราอยู่เกินกำหนดเวลาที่ระบุไว้ จะถือเป็นการ Overstay และจะมีคำถามตามมาเมื่อมีการขอวีซ่าในประเทศอื่นๆ เช่น Australia, USA ที่มักมีช่องให้ตอบว่า “คุณเคยอยู่นานกว่าวีซ่าที่คุณได้หรือไม่?” ถือเป็นเรื่องจำเป็นต้องอธิบายหากเราอยู่นานกว่า Duration of Stay ที่ได้ … ในรอบนี้ มีเพื่อนที่ตกเครื่องบินและต้อง Overstay ของ Norway การเดินทางออกไม่มีปัญหา แต่การขอวีซ่าใหม่ ต้องเขียน จม. ชี้แจง เล่าเหตุการณ์และแนบเอกสารประกอบทุกครั้ง จึงขอให้เก็บเอกสาร ภาพถ่าย และ Scan เอกสารทั้งหมดเป็นไฟล์ใช้ในคราวต่อๆ ไป
การถ่ายภาพ/ภาพเคลื่อนไหว
ก่อนถ่าย Timelapse / interval shooting ควรเช็คแบตเตอรี่มีพอไหม? memory card เหลือพื้นที่มากพอสำหรับการ Save ไฟล์หรือเปล่า? การวางมุม ระดับน้ำได้หรือยัง? ระบบโฟกัสต้องตั้งแบบ Manual จากนั้นเช็คค่ากล้อง mode A หรือ M รวมทั้งดูค่ารูรับแสง ความเร็วชัตเตอร์ iso และ histogram ก่อนเริ่มถ่าย
ขอเถอะ … ฝึก Focus ภาพระยะ infinity ก่อนออกไปล่าแสงเหนือ หรือดวงดาว การไปควานหาหน้างานเสียเวลามาก รอบนี้ผมใช้เลนส์ 14-24 mm. F/2.8 s ที่มี display บอกระยะ infinity บนกระบอกเลนส์ หมุนไปตรงกลางเครื่องหมาย infinity คือยิงเข้าเลย happy มาก ส่วนเลนส์อื่นๆ เช่น 20/1/8S และ Laowa 10/2.8 ต้องปรับเป็น Manual focus พร้อมกด Zoom แล้วสังเกตุระยะโฟกัสบนหน้าจอ เมื่อหมุนจนขึ้นเครื่องหมาย Infinity ให้หมุนอีกนิด ก็จะเข้าโฟกัสเข้า สังเกตุจากจุดไฟระยะไกลๆ จะคมขึ้น (ผมเรียกว่าจังหวะ 2 จึ๊ก คือ หมุนจึ๊กแรกได้ infinity แล้วหมุนอีกจึ๊ก ก็เข้าพอดี 555) ลองไปหมุนเล่นกันดูนะ
หากแบกไหว แนะนำ กล้อง 2 body และขาตั้งกล้องใหญ่ 1 และเล็ก 1 อัน รอบนี้ผมนำ Nikon Z 8 มาออกทริป ดีที่สุดสำหรับการทำงานของสาย Landscape ใช้งาน Z 8 ทำให้นึกถึงกล้องครู Nikon D850 มีปุ่มเรืองแสง พร้อมฟังก์ชั่นถ่ายภาพในที่มืด เช่น Warm display + Starlight focus ออกแบบมาได้ใจคนถ่ายแสงเหนือ ดวงดาวมาก สนใจรายละเอียดเพิ่มเติม เชิญที่นี่ครับ: https://www.nikon.co.th/mirrorless-z-8
เลนส์ที่พกมา ควรครอบคลุมระยะ 14-120 มม และเลนส์ถ่าย ultra wide ต้องมี f/2.8 หรือกว้างกว่า เท่านั้น! ไม่เช่นนั้นภาพจะไม่สวย พราะแสงไม่ถึงต้องดัน iso สูงกว่า 6400 ทำให้ภาพไม่เนียน
หากลังเลว่าจะเอาเลนส์ 20/1.8 ไปดีหรือเปล่า ผมคิดว่า ถ้ามี 14-24/2.8 แล้ว ไม่จำเป็นครับ แบกไปหนัก โอกาสใช้ไม่มาก กว้างไม่พอ แต่ถ้ารักถ่ายภาพแนวตั้ง หรือพาโน + มีเลนส์อื่นที่ f แคบ การมี 20/1.8 คือ อาวุธเก็บแสงเหนือที่สุดยอดมาก … อยากให้ Nikon ออกเลนส์ 14/1.8 หนักและแพงหน่อย ก็ยอมซื้อ เพราะหน้างาน การได้ภาพเนียนสวย คือ สุดยอดปรารถนาเลย
อย่าลากชัตเตอร์มากกว่า 2.5 s สำหรับแสงเหนือ ซึ่งจะทำให้เส้น/สาย/ริ้ว/ลายของแสงเหนือหายไป แต่ใครที่พกเลนส์ที่มีรูรับแสงไม่กว้างนัก เช่น f/4.0 ก็คงต้องยอมลากชัตเตอร์สัก 4-6 s ชดเชยครับ
กระเป๋ากล้องที่ดี ต้องมีสายรัดเอว ลดน้ำหนักลงไหล่ ส่วนตัวให้ 100 คะแนนกับ F-stop Tilopa ไป Shoping ได้ตาม Link: https://cameramaker.co.th/product-category/bags/backpack/
ไม่แปลกใจ ทำไม Osmo Pocket 3 จึงขายดีมาก หลังจากทดลองนำไปใช้รอบนี้ ชีวิตเปลี่ยนเลย วิดีโอเนียน ใช้งานง่าย มีฟังก์ชั่นภาพเคลื่อนไหวครบเลย ทั้ง Timelapse, Motionlapse, Hyperlapse รวมถึงการปรับมุมกล้องรูปแบบต่างๆ ง่ายมาก ต้องขอบคุณ Zoom camera ที่จัดหาให้ยืมมาใช้งานแบบเร่งด่วน ได้ยินว่าสินค้าขาดตลาด แต่หากสนใจแวะไปสอบถามที่ Zoom ร้านกล้องสีชมพู ที่นี่ครับ: https://www.facebook.com/zoomcamera
เตรียมการ์ดไปให้พอ รอบนี้ผมถ่ายภาพนิ่ง + Timelapse ค่อนข้างมาก การ์ด 256Gb x 2 ใบหมดเกลี้ยง ผมหาการ์ดราคาไม่แรง คุณภาพดี รอบนี้ได้ลองยี่ห้อ Homan นำเข้าโดย Advance Photo System จัดว่าคุ้มค่ามาก การ์ด CFexpress Type-A 256Gb ราคา 5,490 บาท (หาส่วนลดเพิ่มได้ถูกกว่านี้) สนใจข้อมูลเพิ่มเติม แวะไปดูที่: https://advancedphotosystems.com/product-category/homan
ไป Norway ควรพกขาตั้งกล้องแข็งแรง และตั้งได้สูงไปจะได้เปรียบกว่าขาตั้งกล้องเบา พกพาง่าย หลายมุมต้องกางขาสูงเพื่อให้พ้นสิ่งกีดขวาง ขาตั้งกล้อง Traveller ทั้งหลายผมคิดว่าต่ำเกินไป ควรเป็นขาที่กางได้สูงอย่างน้อย 170 cm. จะเหมาะสมที่สุด หนักหน่อย รถถึง OK ส่วนการแบกขึ้นเขาก็ไม่หนักมากนัก เพราะใส่กระเป๋าเป้ ที่ Balance น้ำหนักดีๆ เบาสบายกว่าเป้ธรรมดามากครับ
หากไม่เคยลองอุปกรณ์อะไรมาก่อน เช่น ขาตั้งกล้อง หัวบอล กล้อง อุปกรณ์ถ่ายวิดีโอ ต้องลอง/ฝึกใช้ไปจากไทย อย่าไปเงอะงะหน้างาน เสียจังหวะถ่ายภาพ
พลาดเต็มๆ .. ก่อนถ่ายภาพนิ่ง/บันทึกวิดีโอ ขอให้เช็คโฟกัสให้ดีก่อน .. โฟกัสเข้าหรือเปล่า? เอาให้ชัวร์ อย่ามาพลาดเหมือนผมในรอบนี้ มีวิดีโอที่บันทึกการเล่าเรื่องหลายตอน ที่ลืมปรับโฟกัสเป็น Auto และใช้ Manual ถ่ายตลอด ในจอเล็กๆ ของกล้องวิดีโอก็มองว่าชัดดี พอมาเปิดดูด้วยคอม ชัดด้านหลังหมดเลย ส่วนหน้าคนไม่ชัดเพราะโฟกัสไปที่ Infinity จะกลับไปแก้ไขก็ไม่ทันหล่ะ เขียนไว้เตือนตัวเองเลย ห้ามพลาดอีก
มุมมหาชนบางมุม คงเยอะมาก มุงกัน แย่งกันเกินงาม เช่น มุม Dragon eye ที่หาด Uttakleiv ใครไปก่อนถ่ายเสร็จควรรีบเปิดทางให้คนข้างหลังถ่ายต่อ หากเจอคนกั๊กมุม ทนได้ก็ทน ทนไม่ได้ก็หนีไปที่อื่นเถอะ อย่าไปอารมณ์เสียกับคนเหล่านี้ มีอีกหลายมุมให้ค้นหาครับ
เสื้อผ้า/ยา/อุปกรณ์:
ไม่ต้องขนเสื้อผ้าไปเยอะ รอบนี้มายังมีเสื้อผ้าที่ยังไม่ได้ใส่อีกครึ่ง เตรียมเสื้อผ้ากันหนาวไปชุดเดียวพอ เช่น Longjohn, jacket, Down ยกเว้นเสื้อกันลมตัวนอกสุด จัดไปสัก 2 ชุดเผื่อถ่ายภาพ อากาศหนาวจัด เหงื่อไม่ค่อยออก ไม่ค่อยได้อาบน้ำ ใส่ซ้ำได้ จะได้จัดอุปกรณ์อย่างอื่นมาแทน เช่น อาหาร ของกิน อุปกรณ์ถ่ายภาพ (เช่น เลนส์ช่วงอื่น หรือ Flash)
กระเป๋าจัดระเบียบเสื้อผ้าช่วยประหยัดเวลา แบ่งออกเป็นครึ่งทริปแรก + ครึ่งทริปหลัง และจัดของใช้ส่วนตัว เช่น แปรงสีฟัน ยาสีฟัน สบู่เหลว ยาสระผม และครีมทาผิว แยกไว้เป็นกองกลาง เมื่อถึงที่พักหยิบใช้ได้สะดวก
ยาประจำตัว เช่น แก้แพ้ ลดความดัน ลดไขมัน พ่นจมูกไซนัส และลดคัดแน่นจมูก ต้องติดกระเป๋ากล้อง หรือติดตัวเสมอ + Passport ก็เช่นกัน …. รอบนี้ ยาส่วนตัวตกหายก่อนกลับทั้งชุด แย่มาก
เสื้อผ้า เครื่องกันหนาวต้องพร้อม ถุงมือ 2 ชั้น (บาง + หนา), เสื้อผ้า/กางเกงกันลมกันหนาวให้อุ่นที่สุด ผ้าพันคอ หมวกกันหนาว รองเท้าลุยหิมะที่กันน้ำและหนาพอจะสู้ความหนาว + ถุงเท้า wool x 2 ชั้น บนเขาตอนกลางคืนหนาวมาก อย่าประเมินมันต่ำไป หนาวจนนิ้วแข็ง เจ็บ เนื้อหลุดเแบบไม่รู้ตัวเพราะกระแทกเข้ากับโขดหิน รู้ตัวอีกทีหนังเปิดแล้ว เจ็บ ชา มาก
กระติกน้ำแบบเก็บความอุ่น สำคัญมาก บนเขาสูง น้ำในกระติกพลาสติกแข็งเป็นน้ำแข็ง … รอบนี้มาไม่เจ็บคอ/ไอเลย เพราะจิบน้ำอุ่นตลอด + พันคอด้วยผ้า puff กันหนาว … และห้ามลืมเติมน้ำก่อนขึ้นเขาเด็ดขาด
Crampon หรือ Spike จัดไปเลย 2 ชุด สำรองไว้ กันหาย หาซื้อหน้างานได้เฉพาะที่ Tromso ตรง Super sport outlet ราคาอันละ 800 - 1200 บาท คุณภาพดี ยางหนา หรือบางร้านสะดวกซื้อบางแห่ง ขายอันละ 600-800 บาท คุณภาพพอใช้ … หาซื้อยากมากหน้างาน หากไม่มี จบ!
ส่วนไม้เทรค ผมจัดไป 2 อัน ใช้จริงอันเดียวเพราะต้องถ่ายวิดีโอ/ถ่ายภาพไปด้วย ทำให้ไม่สะดวก … แต่เวลาเดิน จะลำบาก ไม่ balance ลื่นล้มหลายครั้ง
หนาวจัดๆ พระเอกยังน้ำมูกไหล อย่าลืมเตรียมกระดาษทิชชูแบบแพ๊คเล็กติดตัว ไป clear จมูกด้วย
สวมหมวก และผ้าพันคอตลอดเวลา ความร้อนไหลออกจากกลางกระหม่อม
หากรองเท้าเดินเขาไม่ได้ใส่นานเกิน 6 เดือน ควรเอามาใช้เดินก่อนออกทริปสัก 1-2 สัปดาห์ รอบนี้ผมจัดรองเท้าหนังหุ้มข้อที่ซื้อมาเกิน 5 ปี โชคดีที่รองเท้าคู่นี้ใช้งานได้ดี น้ำไม่เข้า กันหนาวได้ระดับหนึ่ง แต่เดินขึ้นเขานานๆ เจ็บระบมข้อเท้ามาก (ตอนซื้อไม่ได้เผื่อ Size รองเท้า +1 ทำให้เมื่อใส่ถุงเท้าซ้อนกัน 2 คู่ มันจึงคับ และเวลาเดินขึ้น/ลงเขา รู้สึกเจ็บปวดตรงข้อเท้ามาก สุดท้ายต้องถอดเหลือถุงเท้าคู่เดียว จึงพอจะไปต่อได้ แต่ก็ต้องทนหนาวกันไป)
หากใส่เสื้อ Down เป็นเสื้อกันหนาวตัวนอก อย่าเสี่ยงมุดเข้าไปตามพุ่มไม้ เพราะเสี่ยงเสื้อ Down โดนเกี่ยวขาด/ทะลุ จากกิ่งไม้ หรือหนามแหลมได้ เสื้อผมโดนเกี่ยวไป เสียดายมาก แก้ไขลำบากด้วย
เสื้อผ้าสีแรดๆ ถ่ายภาพกับหิมะสวยกว่า ขาว เทา ดำ จัดไปเหอะ ขบวนการ Ranger ยอดมนุษย์อะไรก็ว่าไป :)
ชีวิตประจำวัน และเบ็ดเตล็ด:
หากของหาย! ค้นหาให้ละเอียดในกระเป๋ากล้อง ตามซอกมุม หรือในรถ ให้ดีก่อน บางทีตกอยู่ตามซอก หรือ ช่องเก็บของ … รอบนี้ขึ้น Hesten โดยไม่มี Crampon อนาถมาก หิมะแข็ง แต่ต้องจำใจใช้ Snowboard แทน เดินยาก และเมื่อยข้อเท้า/หน้าแข้งมาก
หนาวจัด อย่าถอดถุงมือ นิ้วเจ็บ แข็ง ไม่ดี แนะนำถุงมือแบบถอดนิ้วได้ แนะนำยี่ห้อ Vallerret ดีงาม บอกเลย: https://cameramaker.co.th/product-category/photography-gloves
ไฟฉายติดหน้าผาก ต้องเช็คแบตเสมอ! ไม่ดีแน่หากถ่ายภาพกลางคืน แล้วแบตหมด ชีวิตลำบาก เชื่อเถอะ
ซื้อของแห้ง เครื่องปรุงจากไทยไปเสมอ เช่น มาม่า ผงผัด ซอสปรุงรสชาติผงโรงข้าว ซอสราดสลัด น้ำพริก โดยเฉพาะข้าวสวยอุ่นร้อน + โรซ่าซอง (ผัดกระเพรา, ไก่ผัดซอส, พแนงไก่) คือดีงาม ที่เหลือซื้อของสดใน supermarket ท้องถิ่น เช่น เนื้อ ปลา ไก่ ผัก ผลไม้มาทำกิน รอบนี้ 11 วัน หมดค่าอาหารกองกลางที่ซื้อที่นั่นไม่ถึง 2,000 บาท แต่หากไปทานตามร้าน แค่แซนวิช + น้ำผลไม้ โดนไป 1,000 - 1,400 บาทต่อมื้อ/คน โหดมากกกกก
การเข้า Supermaket หากเป็นไปได้ (และมีที่ว่างในรถมากพอ) ควรซื้ออาหาร/ขนม/น้ำ เผื่อไปเลย 3-4 วัน จะได้ไม่เสียเวลาเดินทาง หรือพักผ่อน … ครั้งนี้ผมมีปัญหาเรื่องรถเช่า ได้ขนาดเล็กกว่าที่ระบุไว้ จึงแวะ Supermarket แทบทุกวัน เสียเวลาพอควร แต่ข้อดี คือ การได้เดิน Relax ผ่อนคลาย และสำรวจตลาดไปในตัว
ขนม เครื่องดื่ม ของแห้ง ในแต่ละที่ราคาแตกต่างกันได้มากถึง 1 เท่าตัว ดังนั้นต้องเช็คราคาก่อนเสมอ เช่น กาแฟพร้อมดื่ม Starbucks บางแห่งขาย 22NOK (หรือ 75 บาท) ขณะที่บางแห่งอาจขายแพงถึง 42NOK (หรือ 140 บาท)
เขียนติดหน้าผากไว้เลย “Supermaket ปิดทุกวันอาทิตย์”
ไส้กรอกที่ขายเกือบทั้งหมด คือ ส่วนผสม เนื้อหมู + เนื้อวัว … ผมเลี่ยงไม่ทาน เพราะแพ้เนื้อวัว และซื้อไส้กรอก ที่มีบรรจุภัณฑ์กำกับว่าเป็น “เนื้อไก่” เท่านั้น
อย่าซื้อน้ำ soft drinks ในร้านอาหารเด็ดขาด โดนมาแล้ว โค๊ก 350 ml โดนไป 200 บาท/ขวด ไปซื้อในปั้ม/ร้านสะดวกซื้อ ถูกกว่าครึ่งนึง แต่ยังแพงมากอยู่ดี … ร้านอาหารหลายแห่งมีน้ำดื่มสะอาด หรือชาร้อนบริการฟรี เดินสำรวจดูก่อนนะ
ตัดเล็บมือ เล็บเท้า ก่อนออกเดินทางเสมอ เดินเขาหนักๆ แล้วเจอปัญหาเล็บขบ มันไม่สนุกเลยจริงๆ!
เป็นมารยาทพื้นฐาน ก่อนออกจากบ้านพัก ควร Clear ผ้าปูที่นอน ปอกหมอน ไว้ในที่ซัก เก็บครัว ทิ้งขยะให้เรียบร้อย เราไม่ได้ไปในนามนักท่องเที่ยว แต่เราเป็นตัวแทนคนไทย อย่าให้เจ้าของที่พักไปนินทาภายหลังว่า คนไทยสกปรก อันนี้คือจริงจังมากครับ
การเช่ารถ/ขับรถใน Norway:
รถที่ Norway พวงมาลัยอยู่ซ้าย เตือนตัวเองเสมอให้ขับเลนขวา
เช็ครถโดยการถ่ายวิดีโอรอบคัน เช็คระดับน้ำมันและต้องเติมคืนให้เท่าเดิมเสมอ ค่าปรับหากไม่เติมน้ำมันคืนจะมีค่า fee ราวๆ 300-500 Nok (1,000 - 1,500 บาท) + ค่าน้ำมัน
บริษัทรถเช่าบางแห่ง เรียกเก็บค่าทำความสะอาดเพิ่มเติม หากรถเปื้อนคราบดิน หรือมีเศษขยะในรถ เท่าที่เคยเจอไม่เคยโดนเรียกเก็บ คราบฝุ่น สกปรกพอมีบ้างเมื่อคืนรถ เราแค่ต้องเก็บขยะ ขวดน้ำ กระดาษทิชชู ออกจากรถ … บริษัทรถเช่า จะมีค่าธรรมเนียมทำความสะอาดรถอยู่ประมาณ 600 - 800 Nok (2,000 - 2,500 บาท)
เมื่อจอดรถในที่สาธารณะ ขอให้มั่นใจว่า มันจอดได้โดยไม่ต้องหยอดเงิน/ซื้อตั๋วจอด … รอบนี้ผมไปโดนที่ปรับ 660Nok หรือ 2,300 บาท เซ็งเป็ด
เติมน้ำมันในปั้ม ต้องเติมเอง จ่ายเงินได้สองแบบ คือ บัตรเครดิต (ต้องมี PIN number) และจ่ายหน้า Couter ในร้านสะดวกซื้อของปั้ม (ถ้ามี) แล้วรับเป็น Code มากรอกที่ปั้มหัวจ่าย
อากาศหนาวจัด กระจกขึ้นฟ้ามองทางไม่เห็น ดังนั้น ก่อนออกเดินทางออกไปถ่ายแสงเช้า ให้ติดเครื่องยนต์ เปิด Heater ในรถทิ้งไว้สัก 5 นาที ใช้ผ้า/กระดาษทิชชูหนา เช็ดด้านในรถ ช่วยได้มาก
ถ่ายภาพทะเล หากน้ำทะเลกระเซ็นโดนหน้าเลนส์/ฟิลเตอร์ … อย่าใช้ผ้าลูบหน้าเลนส์ ให้ใช้ทิชชูนุ่มๆ ซับออก ไม่ทิ้งคราบครับ
เงิน NOK / บัตรเครดิต /การใช้งานโทรศัพท์:
Norway เป็น paperless payment ใช้บัตรเครดิตสแกนจ่ายเงินแทบทุกที่ รวมถึงการเติมน้ำมัน โดยต้องเช็คธนาคารสอบถาม PIN number การใช้บัตร เพราะหลายแห่งจะต้องกรอกเลขนี้
ไป ตปท. 7-8 วัน เน็ท 6GB ตามที่ขายกัน (เช่น Sim2Fly) อาจจะพอ แต่หากไปนานกว่านั้น คงต้องซื้อเผื่อ เน็ทตามที่พักบางที่เร็ว บางที่ผีสิง มาๆ หายๆ ใช้เน็ทเราเองสะดวก และปลอดภัยกว่า
จากประสบการณ์ส่วนตัวที่เจอปัญหาเรื่องรถเช่า ตกเครื่อง บัตรเครดิตมีปัญหาไม่ตัดบัตร รวมถึงการส่งเลข OTP มายังเบอร์โทรศัพท์ที่ผูกติดกับบัตร อยากแนะนำให้เปิดมือถือ Roaming ไปเลยอุ่นใจที่สุด ระวังการรับสาย/โทรออกเฉพาะที่จำเป็น เพราะค่าโทรค่อนข้างสูง
หากเรากำหนดวงเงินบัตรเครดิตไว้ที่เมืองไทย เพื่อป้องกันมิจฉาชีพ เมื่อเราต้องเดินทางไป ตปท. ให้โทรแจ้ง Call center ของบัตรเพื่อเปิดการใช้งาน ตปท. และต้องกลับไปแก้ไขวงเงินที่เคยกำหนดไว้ให้ครอบคลุมกับการใช้จ่ายใน ตปท. … ตรงนี้น่าจะเป็นปัญหาที่ผมใช้บัตรตัดผ่านการจองรถใน ตปท. ไม่ได้ เกือบแย่ไม่ได้รถเช่า จำเป็นบทเรียนเลยครับ
เงิน Nok มักขาดตลาดช่วง มกรา - มีนา ควรแลกเงินไปล่วงหน้า รอบนี้ผมแลกเงินแทบไม่ได้เลย จองผ่าน SuperRich ก็ไม่ได้เพราะไม่มีเงินใน Stock สุดท้ายแลกจากเพื่อนมาได้นิดหน่อย และต้องยอมเสีย Rate แพงโดยการตัดผ่านบัตรเครดิต ซึ่งมี Rate สูงกว่า 10-12% เช่น ค่าที่พัก 30,000 บาท จ่ายแพงขึ้นอีก 3,000 บาท โหดร้าย
การเดินทางด้วยเครื่องบิน/Delay และการตกเครื่อง/และการเข้าพักโรงแรม-ที่พัก:
ออกทริป ตปท. กับเพื่อนๆ หลายคน แนะนำกระเป๋าผ้า หรือกระเป๋า Soft case ดีกว่า Hard case เพราะสามารถจัดเข้ารถได้ง่ายกว่า แต่ต้องระวังการเปียกน้ำ/หิมะระหว่างการเดินทาง แนะนำการห่อ Wrap พลาสติก หรือควรใส่เสื้อผ้าไว้ในถุงพลาสติกป้องกันการเปียกชื้น
อย่าลืมเสื้อกันหนาว 1 ตัวขึ้นเครื่องด้วยเสมอ รอบนี้ไปกับ Qatar Airway ขาไปเหมือนหิมะลงในเครื่องหนาวมาก ผ้าห่มที่แจกต้องไปควานหาสำรองมาอีก 2 ผืนถึงจะเริ่มอุ่น
ไฟล์ทบินระหว่างประเทศจะได้น้ำหนัก 30kg ขณะที่ไฟล์ทในประเทศ Norway จะจำกัดที่ 23kg x 1 ใบ *หากซื้อตั๋วแบบ Plus+ จะได้น้ำหนักเพิ่มเป็น 23kg x 2 ใบ ดังนั้นต้องวางแผนเรื่องน้ำหนักให้ดีจากเมืองไทย แนะนำจัดกระเป๋าที่จะโหลดต่อใบไม่เกิน 22.5kg อย่าบ้าหอบฟางขนทุกอย่างไปเที่ยว ทริปนี้เจอ พนง. สายการบิน Counter ข้างๆ บอกนักท่องเที่ยวท่านนึง ให้จ่ายเงินเพิ่มเพราะน้ำหนักเกิน 1kg โดนไปเบาๆ 4-6 พันบาท! ... หากคิดจะขนเยอะ แนะนำให้จองตั๋วในประเทศแบบ Plus+ ไปเลยดีกว่า แล้วจัดกระเป๋า 22kg + 8kg จำนวน 2 ใบตั้งแต่เมืองไทยครับ
อย่าลืม Power bank, Battery ในกระเป๋าโหลด โชคดีผ่าน ... โชคร้ายคือถูกยึด ในรอบนี้เพื่อนท่านนึงลืม iPad ไว้ในกระเป๋าโหลด แต่ผ่านฉลุย ถึงจุดหมายปลอดภัยไม่ถูกยึด ขณะที่อีกท่านลืมแบตเตอรรี่กล้องถ่ายภาพไว้ 2 ก้อน และถูกยึดตามระเบียบ (แก้ไข: อุปกรณ์ที่มีแบตเตอรี่ฝังอยู่ในตัว เช่น ipad + laptop สามารถโหลดได้ครับ อันนี้เพิ่งทราบเหมือนกัน คราวหน้าจะได้โหลด Notebook ไปทำงาน ไม่ต้องแบกแล้ว เย้)
ซื้อตั๋วเครื่องบินที่มี Connecting flight ควรเผื่อเวลาระหว่างไฟล์ทนานหน่อย อย่างน้อย 3 ชม … อากาศที่ Norway เปลี่ยนแปลงบ่อย โดยเฉพาะไฟล์ทฝนขณะที่ประเทศ Oslo - Bodo - Leknes ควรเผื่อตรงกลางประมาณ 2-3 ชม ปลอดภัยกว่า
ขณะที่พิมพ์ข้อความนี้ นั่งบนไฟล์ทจาก Tromso - Oslo ก่อนขึ้นเครื่องบินมีหิมะตกหนัก กังวลใจว่าเครื่องจะดีเลย์ไหม สรุปขึ้นเครื่องบินได้ตรงเวลา โล่งอก … แต่ก่อน Landing ที่ Oslo เวลา 10.30 น. กัปตันประกาศว่า Oslo หิมะตกหนัก สนามบินปิด 3-6 ชม ไม่สามารถ landing ได้ ต้องไปลงขอ Landing สนามบินในเมืองอื่นแทน และนั่นทำให้ผมตกเครื่องบินที่จะกลับไทยตอนบ่าย 3 ในเวลาต่อมา!
หากการ Delay ของเครื่องบิน เกิดจากไฟล์ทของสายการบินเดียวกัน เราจะได้รับการชดเชย / จัดหาไฟล์ทใหม่ / จัดหาที่พัก อาหารให้ โดยไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายเพิ่ม แต่หากเป็นคนละสายการบิน เช่น ผมบินสายการบิน SAS ซึ่ง Delay ทำให้พลาดไฟล์ทบินกับ Qatar จุดนี้ไม่ใช่ความผิดของ Qatar เราต้องแจ้งเพื่อเลื่อนไฟล์ท หรือต้องซื้อตั๋วเครื่องบินใหม่เพราะ No show
การบินจาก Bodo - Leknes จะบินด้วยเครื่องบินเล็กแบบใบพัด ไม่ระบุที่นั่ง ขึ้นเครื่องก่อนนั่งก่อน แนะนำแถวหน้าสุดสองสามแถวแรกที่ไม่ติดปีก นั่งด้านขวาจะเห็นหุบเขาสูงสวยงาม หรือนั่งด้านซ้ายก็มีวิว/ทิวทัศน์สวยงามไม่แพ้กัน
เราอาจให้สายการบินหลักทำเรื่องจองสายการบินต่อเนื่องให้ เช่น Qatar จองในประเทศของ SAS เผื่อเวลา delay สายการบินจะรับผิดชอบ เพราะดูแลเรื่องนี้มาแต่ต้น
หากเครื่องดีเลย์ กระทบกับไฟล์ทที่จะเดินทางต่อ ดูแล้วไปไม่ทันกับเวลา Check in แน่นอน (Counter check in ปิดก่อนเครื่องออกประมาณ 90 นาที สำหรับไฟล์ทระหว่างประเทศ) ให้รีบติดต่อเลื่อนไฟล์ท จะเสียค่าเลื่อนตั๋ว (ถ้าอยู่ในเงื่อนไข) ไม่เกิน 5-7 พันบาท แต่หากไม่เลื่อนไฟล์ท จะเจอค่าตั๋วใหม่ หน้างานแพงมาก (เช่น Qatar ขาเดียวกลับ กทม ราคา
ก่อน check out ออกจาก รร. Confirm ก่อนว่าไม่มีการ Charge ค่า Minibar เพิ่มเติม รอบนี้รีบ Check out เลยออกจาก รร. แบบหย่อนบัตรลงกล่อง Express check out พอมาขึ้นเครื่องมีใบแจ้งยอด update รายการ Minibar โผล่ขึ้นมาอีกพันกว่าบาท! ทั้งๆ ที่ไม่ได้แตะอะไรเลย คุยยากหล่ะ เพราะเราออกมาแล้ว จำเป็นบทเรียนครับ
หากใครเป็นโรค Airplane sickness เหมือนผม ต้องทำให้จมูกโล่งเสมอ ให้พ่นยาอิลิอาลิน + ทานซูโดเอฟีดรีน (Pseudoephedrine)ก่อนขึ้นเครื่อง อาการจะเห็นหนักก่อนเครื่องลง โดยเฉพาะสายการบินในประเทศที่มีการเปลี่ยนระดับความสูงค่อนข้างเร็ว … ให้หายใจ กลืนน้ำลายพร้อมปิดจมูก สลับกับเปิดจมูก พอช่วยได้ ให้อ้าปาก เคี้ยวหมากฝรั่งบ่อยๆ 30 นาทีก่อนเครื่องลง ย้ำ ห้ามลืมยาเด็ดขาด ทรมานมาก! อ้อ … คนเป็นหวัด คัดจมูก มีโอกาสเจอปัญหานี้เหมือนกัน รักษาตัวเองให้ดี
และหมื่นล้านขอบคุณทุกๆ คน ที่ติดตามอ่านจนถึงบรรทัดนี้ … ไว้พบกันใหม่ครับ
Love u 3000 ครับ : )